ประกันชีวิตและประกันวินาศภัยมีรูปแบบรายได้ที่แตกต่าง
ประกันชีวิต เป็นสัญญาระยะยาวลักษณะรายได้ต่อ 1 กรมธรรม์จะมีสัดส่วนมากในระยะแรก แล้วค่อย ๆ ลดจำนวนลงมาเมื่ออายุกรมธรรม์มากขึ้น เป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวแทนประกันชีวิตจะต้องขายกรมธรรม์ใหม่เข้าสู่ระบบอยู่เสมอ หากไม่เพิ่มกรมธรรม์ใหม่เข้ามารายได้เราก็จะลดลงไป
ประกันวินาศภัย เป็นสัญญาระยะสั้นปีต่อปี รายได้ต่อ 1 กรมธรรม์ต่อปีจะน้อยกว่าของประกันชีวิต แต่เมื่อต่ออายุกรมธรรม์รายได้ก็ไม่ได้ลงลงเพราะถือเป็นกรมธรรม์ใหม่ หากเรารักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้รายได้เราจะไม่ลดลง และหากมีการเติมลูกค้ารายใหม่เข้ามาในระบบรายได้ของเราก็จะเติบโตขึ้นทุกปี
หากเทียบผลตอบแทนสะสมเพียงแค่ 1-2 ปี ประกันชีวิตจะให้ผลตอบแทนสะสมดีกว่า แต่หากเทียบผลตอบแทน 5 ปีขึ้นไปประกันวินาศภัยจะให้ผลตอบแทนสะสมดีกว่า ทั้งหมกนี้ไม่ได้บอกว่าอะไรดีกว่าอะไร แต่จะดีที่สุดหากเราสามารถสร้างผลตอบแทนได้ทั้ง 2 ประเภท
การสร้างรายได้ในฝั่งประกันวินาศภัย 2 ระบบ
ก่อนหน้านี้ในฝั่งประกันวินาศภัยจะเป็นระบบขายรายเดี่ยว แต่ปัจจุบันเริ่มมีการปรับตัวเป็นระบบการสร้างทีมเช่นเดียวกับประกันชีวิต ทำให้การเติบโตก้าวหน้าในอาชีพได้ดีกว่า มีวิธีการทำงานแต่ละโบรคเกอร์แตกต่างกันไปอีก แต่แบ่งแยกย่อยออกเป็น 2 ระบบหลัก ๆ
ระบบที่ 1 ระบบเน้นการขายเป็นหลัก ระบบนี้จะได้รับค่าตอบแทนจากการขาย เรียกว่าค่าคอมมิชชั่น ซึ่งจะได้มูลค่าต่อ 1 กรมมธรรม์มากกว่า เป็นการทำงานของเราคนเดียว จึงมีขอบเขตความสามารถจำกัด และเราจะมีเพดานรายได้ (ตามในกราฟ) เท่ากับแรงและเวลาที่เรามีเพื่อใช้ดูแลลูกค้าที่เรามีอยู่ แต่ก็จะมีความเสี่ยงหากมีวันใดที่เราไม่สามารถขายประกันต่อได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม รายได้ของเราก็จะหายไปทันที
ระบบเน้นการขายจึงลดความเสี่ยงด้วยการสร้างทีมนักขาย เพื่อรับรายได้อีกชนิดที่เรียกว่าค่าบริหารสายงานเพิ่มอีกประเภท รายได้นี้จะได้จากทุก ๆ กรมมธรรม์ที่ทีมงานของเราขายประกันภัยได้ แต่นักขายย่อมต้องการผลตอบแทนจากการขายในช่องทางที่ดีที่สุด จึงอาจจะมีการเปลี่ยนช่องทางการขายในแต่ละครั้งได้ เพราะฉะนั้นความมั่นคงทางรายได้อาจจะไม่แน่นอนนัก
ระบบที่ 2 ระบบเน้นการขยายสมาชิกเป็นหลัก ระบบนี้จะได้รับค่าตอบแทนที่ เรียกว่าค่าบริหารสายงาน ซึ่งจะได้รายได้ต่อ 1 กรมธรรม์น้อยกว่า แต่รายได้จะมีการเติบโตแบบไม่มีเพดานรายได้ เรียกว่าในแต่ละปีจะทบทวึคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามกราฟตัวอย่างในช่วงต้นของการทำงานรายได้จะน้อยกว่าระบบนักขาย แต่หากเราอดทนสร้างระบบของเราไปเรื่อย ๆ รายได้ที่มาจากการขยายทีมจะค่อย ๆ สมทบมาให้เราได้มากขึ้น และยิ่งมากขึ้นในทุก ๆ ปีแบบไม่มีเพดานรายได้ ระบบนี้จะไม่เน้นให้ทุกคนไปขาย แต่เน้นให้ทุกคนแนะนำลูกค้าเข้าระบบ ให้ลูกค้าซื้อประะกันด้วยตนเองในระบบ และทุกครั้งที่ลูกค้าซื้อประกันเราจะได้รับรายได้จากระบบครับ
หากเปรียบเทียบระบบในการทำงานจะเห็นได้ว่า แม้จะเป็นธุรกิจเดียวกัน ระบบคล้าย ๆ กัน แต่รายละเอียดปลีกย่อยในการทำงานแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เราทุกคนเป็นนายหน้าประกันภัยอิสระ เราก็สามารถเลือกที่จะทำงานในระบบใดก็ได้ที่เรามีความสุขเหมาะสมมกับวิถีชีวิตของเรา